นักวิทย์ นักคิดของโลกในสมัยรัชกาลที่ 4
The Pioneer
ชาร์ลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน (Charles Robert Darwin)
บิดาแห่งทฤษฎีวิวัฒนาการ เป็นนักธรรมชาติวิทยาผู้ปฏิวัติความเชื่อเรื่องจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิตด้วย “ทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต” และเขียนหนังสือที่มีชื่อเสียงสนั่นโลกชื่อว่า The Origin of Species ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากประสบการณ์ที่ได้พบเจอจากการเดินเรือ มีเนื้อหาอธิบายถึงการกำเนิดของสิ่งมีชีวิต รวมถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของสิ่งมีชีวิตในอดีตมาจนถึงสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน กล่าวได้ว่าหากขาดบุรุษผู้นี้ไป สาธารณชนอาจจะไม่มีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวมหัศจรรย์แห่งชีวิตนี้ได้เลย
Table of content
ประวัติดาร์วิน แม้แต่ดาร์วิน ยังเคยซิ่ว! จริงหรอ?
ชาร์ลส์ ดาร์วิน เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 ที่เมืองชรูว์สเบอรี (Shrewsbury) ประเทศอังกฤษ ครอบครัวของดาร์วินมีฐานะร่ำรวย บิดาของเขาเป็นนายแพทย์ชื่อ โรเบิร์ต วอริง ดาร์วิน (Robert Waring Darwin) และต้องการให้ดาร์วินเดินตามรอยเส้นทางการแพทย์ บิดาของเขาจึงส่งดาร์วินไปเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระ (Edinburgh University) แต่ดาร์วินไม่ค่อยสนใจในการศึกษาวิชาการแพทย์ นอกจากนี้เขายังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเที่ยวเล่น ยิงนก ตกปลา ไล่จับแมลงชนิดต่าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ แต่เขายังกลัวการผ่าตัดศพและทนเห็นเลือดในห้องผ่าตัดไม่ได้ ทำให้เขาศึกษาอยู่ที่นั่นได้เพียง 2 ปีก็ลาออก แล้วไปเรียนศาสนวิทยาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) แทน และดาร์วินก็ได้พบกับสิ่งที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก นั่นคือในระหว่างที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขาได้มีโอกาสเข้าฟังการบรรยายวิชาเกี่ยวกับธรรมชาติอยู่เสมอ จนได้มีโอกาสรู้จักกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญอีก 2 ท่าน คือศาสตราจารย์เฮนสโลว์ (P.Henslow) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤกษศาสตร์ และศาสตราจารย์เซดจ์วิค (P.Sedgwick) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรณีวิทยา ทำให้เขาได้รับความรู้ทางด้านชีววิทยา ภูมิศาสตร์ และธรณีวิทยา จนกระทั่งดาร์วินสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในปี ค.ศ. 1829
เส้นทางนักวิทย์ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ออกเดินเรือไปทำไม?
ในขณะนั้น ทางราชนาวีอังกฤษมีโครงการจะออกเดินทางสำรวจสภาพภูมิประเทศ บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกตอนต้นและมหาสมุทรแปิซิฟิก ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคยทำการสำรวจมาก่อน โดยจะใช้เรือหลวงบีเกิ้ล (H.M.S.Beagle) เป็นเรือที่ใช้ในการเดินทางสำรวจครั้งนี้ พร้อมกับกัปตันวิทซ์รอย (Captain Witzroy) เป็นผู้บังคับการเรือ
สำหรับการเดินทางสำรวจครั้งนี้ยังต้องการนักธรรมชาติวิทยาเดินทางไปกับคณะสำรวจด้วย แต่ไม่มีผู้อาสาสมัครเข้ามาเพราะจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้เองทั้งหมด กัปตันจึงเดินทางไปปรึกษากับศาสตราจารย์เฮนสโลว์ ศาสตราจารย์จึงนำข่าวนี้มาบอกแก่ดาร์วิน ทำให้เขาสนใจเดินทางไปกับคณะสำรวจด้วย ดาร์วินจึงได้รับตำแหน่งเป็นนักธรรมชาติวิทยาประจำคณะสำรวจครั้งนี้ซึ่งจะออกเดินทางไปสำรวจฝั่งของทวีปอเมริกาใต้เป็นเวลานาน 2 ปี เรือหลวงบีเกิ้ลเริ่มออกเดินทางจากท่าเรือเมืองดาเวนพอร์ต (Davenport Harbor) เมืองพลายเมาท์ (Plymount) ประเทศอังกฤษในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1831 โดยแล่นเรือบีเกิ้ลเข้าจอดที่อ่าวเปอร์โต ปาร์ยา (PortoPraya) ในหมู่เกาะเคปเวิร์ด (Cape de Verd) และแวะที่เมืองอาโซส (Azores) เป็นแห่งสุดท้ายก่อนเข้าจอดเทียบท่าที่เมืองฟอลมัธ (Falmouth) เมืองท่าทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ดาร์วินใช้เวลาเดินทางสำรวจเป็นเวลานานถึง 5 ปีนานกว่าที่กำหนดไว้ การสำรวจครั้งนี้ทำให้ดาร์วินได้เก็บข้อมูลสัตว์และพืชต่าง ๆ ตลอดการเดินทาง เมื่อกลับบ้านเขาแยกหมวดหมู่ ให้กับซากพืช ซากสัตว์ ที่เขาเก็บมาและเริ่มต้นศึกษามันอย่างจริงจัง และในปีเดียวกันนี้เองดาร์วินได้ตีพิมพ์ผลงานของเขาออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า “A Naturalist’s Voyage Around the World” ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพบเห็นมาตลอดในการเดินทางสำรวจโลกไปกับเรือบีเกิ้ล
ผลงานที่โดดเด่น
ในระยะเวลาที่ดาร์วินออกเดินทางสำรวจ เขาได้พบสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายและอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน และได้จดบันทึกทุกเรื่องในการเดินทางครั้งนี้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศในแต่ละวัน แต่ละสถานที่ สภาพภูมิประเทศ อีกทั้งพันธุ์พืชและสัตว์ที่เขาได้พบทุกชนิด รวมทั้งยังได้เก็บซากพืช ซากสัตว์ไว้เป็นจำนวนมาก บางส่วนดาร์วินได้ส่งมาทางพัสดุไปรษณีย์มาเก็บไว้ที่บ้านพักในประเทศอังกฤษ ถ้าชิ้นไหนมีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถเก็บมาได้ เขาจะวาดภาพไว้อย่างละเอียดโดยภาพที่เขาวาดจะมีสัดส่วนเหมือนจริงทุกประการ โดยเฉพาะที่หมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos) เขาได้พบความพิเศษของเหล่าสัตว์ต่างชนิดนานาพันธุ์ ซึ่งสัตว์บางชนิดนั้นเป็นสัตว์ชนิดใหม่ที่สามารถพบได้เฉพาะที่เกาะแห่งนี้เท่านั้น ดาร์วินจึงตั้งสมมติฐานขึ้นว่าสัตว์เหล่านี้นั้นมีต้นกำเนิดมาจากที่ใด เขาใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลเพื่อค้นหาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนานกว่า 20 ปี โดยเขามีแรงบันดาลใจมาจากซากฟอสซิล (Fossil) ดาร์วินศึกษาสิ่งมีชีวิตหลายชนิดทั้งคน ม้า สุนัข และลิง เป็นต้น
จากการค้นคว้าเขาสามารถสรุปและตั้งเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการได้ว่า สิ่งมีชีวิตในปัจจุบันนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตในอดีต ต่อมาในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1859 ดาร์วินได้ตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานออกมาเล่มหนึ่งมีชื่อว่า “The Origin of Species” หรือ “กำเนิดพืชและสัตว์ต่าง ๆ“ ซึ่งมีเนื้อหาอธิบายถึงกำเนิดของสิ่งมีชีวิต รวมถึงวิวัฒนาการจากรูปแบบหนึ่งมาสู่รูปแบบหนึ่งด้วย ซึ่งมีผลมาจากสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ สัตว์หรือพืชแต่ละชนิดมีวิวัฒนาการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยที่จะต้องดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากสัตว์หรือพืชชนิดใดที่อ่อนแอก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้และสูญพันธุ์ไปในที่สุด ในส่วนของสัตว์ที่มีความแข็งแกร่งก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยจะถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมนั้นต่อไปยังลูกหลาน หรือที่เรียกว่า “การคัดสรรตามธรรมชาติ” (Nature Selection) รวมไปถึงการตั้งสมมติฐานว่า “พระเจ้านั้นไม่ได้เป็นผู้สร้างมนุษย์แต่มนุษย์นั้นน่าจะมีวิวัฒนาการมาจากลิง”
ขัดแย้งกับคำสอน?
เมื่อหนังสือของดาร์วินได้รับการเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าถูกคัดค้านและว่ากล่าวอย่างรุนแรง จากพวกเคร่งศาสนาว่าดาร์วินเป็นพวกนอกศาสนานอกรีตนอกรอย เหตุการณ์เป็นเช่นนี้เพราะคนเหล่านี้มีความเชื่อว่า สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่พระเจ้าสร้างมา ซึ่งมีรูปแบบเช่นนี้มาตั้งแต่แรก หนังสือของดาร์วินจึงขัดกับความเชื่อนี้ ต่อมาผู้คนในวงการวิทยาศาสตร์และประชาชนเริ่มให้ความยอมรับกับทฤษฎีนี้กันมากขึ้น อันเนื่องมากจากการทำงานค้นคว้าวิจัยอย่างหนักของดาร์วิน มีหลักฐานที่ชัดเจนและมากมายที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ หลังจากนั้นก็มีการตีพิมพ์ผลงานหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติ และวิจัยในวารสารวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ มากมาย หนังสือเล่มสุดท้ายก่อนที่ดาร์วินจะเสียชีวิต คือ หนังสือที่มีชื่อว่า “The Formation of Vegetable Mould Through The Action of Worms” ซึ่งพิมพ์ในปี ค.ศ. 1881 ต่อมาในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1882 ดาร์วินก็เสียชีวิตที่เมืองชรูว์สเบอรี (Shrewsbury) ประเทศอังกฤษ (England) ศพของเขาถูกนำไปฝังอยู่ที่วิหารเวสมินเตอร์ (Westminster Abbey) ผลงานของดาร์วินที่เขาได้ถ่ายทอดลงในหนังสือของเขา ล้วนแต่เป็นผลงานที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งทางชีวิวิทยา และมนุษยวิทยา โดยเฉพาะทฤษฎีวิวัฒนาการ ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในวงการชีววิทยาในปัจจุบันนี้
ผลงานด้านหนังสือ
- ค.ศ. 1862 พิมพ์หนังสือชื่อว่า The Fertilization of Orchids
- ค.ศ. 1868 พิมพ์หนังสือชื่อว่า The Variation of Animal and Plants under Domestication
- ค.ศ. 1871 พิมพ์หนังสือชื่อว่า The Descent of Man and Selection in Relation to Sea
- ค.ศ. 1872 พิมพ์หนังสือชื่อว่า The Expression of the Emotion in Man and Animal
- ค.ศ. 1875 พิมพ์หนังสือชื่อว่า The Effect of Cross and Self – Fertilization in the Vegetable Kingdom
- ค.ศ. 1877 พิมพ์หนังสือชื่อว่า Different Forms of Flower and Plant of The Same Species
- ค.ศ. 1880 พิมพ์หนังสือชื่อว่า The Power of Movement in Plants
- ค.ศ. 1881 พิมพ์หนังสือชื่อว่า The Formation of Vegetable Mould Through The Action of Worms
สุดท้ายนี้ หากใครสนใจหรืออยากอ่านหนังสือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัว ชาร์ลส์ ดาร์วิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรื่องที่เกี่ยวกับองค์ความรู้เฉพาะทาง หรือความรู้รอบตัว สามารถเข้าไปอ่านบทความแนะนำหนังสือของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้ที่ https://kmutt.me/book-darwin
พันธลักษณ์. (2546). นักวิทยาศาสตร์เอกของโลก. กรุงเทพฯ: บ้านหนังสือ 19
สุทัศน์ ยกส้าน. (2548). นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่. กรุงเทพฯ: ปาเจรา.
นำชัย ชีววิวรรธน์, & สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ. (2555). ชาร์ลส์ ดาร์วิน กำเนิดแห่งชีวิตและทฤษฎีวิวัฒนาการ. กรุงเทพฯ: สารคดี.